วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

รู้จักกับ windows firewall


windows firewall หรือชื่อเดิมคือ internet connection firewall หรือ icf เป็นขอบเขตป้องกันที่ตรวจตราและจำกัดข้อมูล

ระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณกับเครือข่ายหรืออินเตอร์เน็ต เพื่อเป็นเขตป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นนอกไฟร์วอลล์เข้ามายังคอมพิวเตอร์ของคุณ

โดยไม่ได้รับการอนุญาต หากคุณใช้ windows xp service pack 2 (sp2) อยู่ windows firewall จะเปิดใช้โดยอัตโนมัติ

หลังจากติดตั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์บางรายหรือผู้ดูแลเครือข่ายอาจปิดการทำงานของไฟร์วอลล์ก็ได้

windows firewall หรือชื่อเดิมคือ internet connection firewall หรือ icf เป็นขอบเขตป้องกันที่ตรวจตราและจำกัดข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณกับเครือข่ายหรืออินเตอร์เน็ต เพื่อเป็นเขตป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นนอกไฟร์วอลล์เข้ามายังคอมพิวเตอร์ของคุณโดยไม่ได้รับการอนุญาต หากคุณใช้ windows xp service pack 2 (sp2) อยู่ windows firewall จะเปิดใช้โดยอัตโนมัติหลังจากติดตั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์บางรายหรือผู้ดูแลเครือข่ายอาจปิดการทำงานของไฟร์วอลล์ก็ได้








วิธีเปิดการทำงานของ windowsfirewall




1. คลิ๊ก start แล้วคลิ๊ก control panel

2. ใน control panel คลิ๊กที่ windows security center

3. คลิ๊ก windows firewall

security center

หมายเหตุ คุณสามารถใช้โปรแกรมไฟร์วอลล์อื่นได้ตามต้องการ โดยพิจารณาจากคุณสมบัติและตัดสินใจว่าไฟร์วอลล์ใดเหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด ในกรณีที่เลือกใช้ซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์อื่น คุณจำเป็นต้องปิดการทำงานของ windows firewall

windows firewall ทำงานอย่างไร

เมื่อมีใครในอินเตอร์เน็ตหรือในเครือข่ายติดต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณ เราจะเรียกการกระทำนี้ว่า "การร้องขอที่ไม่ได้เชื้อเชิญ" เมื่อคอมพิวเตอร์ของคุณได้รับการร้องขอที่ไม่ได้เชื้อเชิญ windows firewall จะสกัดกั้นการติดต่อ หากคุณใช้โปรแกรมอย่างเช่น โปรแกรมส่งข้อความหรือเกมส์ในเครือข่าย ที่จำเป็นต้องได้รับข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตหรือเครือข่าย ไฟร์วอลล์จะถามว่าคุณต้องการสกัดกั้นหรือยอมให้มีการติดต่อนี้หรือไม่ ซึ่งจะปรากฏวินโดว์ข้างล่างนี้


การแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยของไฟร์วอลล์


ถ้าคุณเลือกที่จะไม่สกัดกั้นการติดต่อ windows firewall จะสร้างข้อยกเว้นขึ้น เพื่อจะไม่รบกวนการติดต่อในครั้งต่อไปของโปรแกรมนั้น ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อยกเว้นได้ที่ การใช้ exception tab ในบทความนี้

คำแนะนำ ถึงแม้จะสามารถปิดการทำงานของ windows firewall สำหรับอินเตอร์เน็ตและเครือข่ายที่ระบุเฉพาะได้ แต่การทำเช่นนั้นจะเพิ่มความเสี่ยงให้กับการรักษาความปลอดภัยในคอมพิวเตอร์ของคุณ

windows firewall สามารถทำอะไรได้บ้าง

ทำได้ ทำไม่ได้

ช่วยสกัดกั้นบล็อกไวรัสหรือเวิร์ม ไม่ให้เข้าสู่คอมพิวเตอร์ของคุณ ตรวจจับหรือการทำงานของไวรัสหรือเวิร์ม หากมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ด้วยเหตุผลนี้ คุณจึงควรติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและอัพเดทโปรแกรมอยู่เสมอเพื่อป้องกันไวรัส, เวิร์ม และภัยคุกคามความปลอดภัยอื่นๆ ไม่ให้สร้างความเสียหายหรือใช้คอมพิวเตอร์ของคุณในการแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก คำถามที่ถูกถามบ่อยๆ เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส


ขออนุญาตในการหยุดหรือยอมให้มีการเชื่อมต่อ ห้ามไม่ให้คุณเปิดอีเมล์ที่มีไฟล์แนบที่เป็นอันตราย อย่าเปิดไฟล์แนบที่มากับอีเมล์ของบุคคลที่คุณไม่รู้จัก และควรระวังแม้จะเป็นอีเมล์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ก็ตาม เมื่อได้รับอีเมล์พร้อมไฟล์แนบ ให้อ่านหัวเรื่องเสียก่อน หากหัวเรื่องผิดปกติหรือไม่เข้าท่า ให้ตรวจสอบกับผู้ส่งก่อนที่จะเปิดอ่าน

สร้างบันทึก ในกรณีที่คุณต้องการเก็บประวัติการเชื่อมต่อ ทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ ซึ่งอาจใช้ช่วยในการแก้ปัญหาได้ สกัดกั้นอีเมล์ขยะจากเมล์บ็อกซ์ของคุณ อย่างไรก็ตามโปรแกรมอีเมล์บางโปรแกรมอาจช่วยสกัดอีเมล์ขยะให้คุณได้ ตรวจสอบเอกสารของโปรแกรมอีเมล์ที่คุณใช้หรืออ่าน ต่อสู้กับอีเมล์ขยะ หากต้องการศึกษาเพิ่มเติม

การปรับค่า windows firewall

หากคุณใช้ windows xp service pack 2 (sp2) จะมีการเปิดใช้ windows firewall หลังจากติดตั้งโดยอัตโนมัติ และไมโครซอฟท์ขอแนะนำให้เปิดการทำงานของ windows firewall ไว้เพื่อปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณจากไวรัสและภัยคุกคามอื่นๆ

เนื่องจากไฟร์วอลล์ทำหน้าที่จำกัดการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณกับอินเตอร์เน็ต คุณอาจต้องปรับการกำหนดค่าของบางโปรแกรมที่ใช้การติดต่อแบบเปิด การตั้งค่าในลักษณะนี้เรียกว่า "ข้อยกเว้น" ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อยกเว้นได้ที่ การใช้ exception tab ในบทความนี้

windows firewall มีการกำหนดค่า 3 ลักษณะคือ on, on with no exceptions และ off

on: เปิดใช้งาน windows firewall
on: เปิดใช้งาน windows firewall (โดยปกติคุณควรเปิดไฟร์วอลล์ไว้ในลักษณะนี้) ซึ่งจะปฏิเสธคำร้องขอที่ไม่ได้เชื้อเชิญทั้งหมดที่ติดต่อเข้ามาสู่คอมพิวเตอร์ของคุณ ยกเว้นคำร้องขอที่มาจากโปรแกรมหรือบริการที่เลือกไว้ในแท็ป exceptions

on with no exceptions: เมื่อตัวเลือก don't allow exceptions ถูกเลือก windows firewall จะปฏิเสธคำร้องขอที่ไม่ได้เชื้อเชิญทั้งหมดที่ติดต่อเข้ามาสู่คอมพิวเตอร์ของคุณ รวมถึงคำร้องของที่มาจากโปรแกรมหรือบริการที่เลือกไว้ในแท็ป exceptions ด้วย ให้คุณเลือกการตั้งค่านี้เมื่อต้องการป้องกันแบบสูงสุด เช่น เมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายสาธารณะที่โรงแรมหรือสนามบิน หรือเมื่อมีการแพร่กระจายของไวรัสหรือเวิร์มชนิดร้ายแรงในอินเตอร์เน็ต


คำแนะนำ คุณไม่จำเป็นต้องเลือก don't allow exceptions ไว้ตลอดเวลา เนื่องจากบางโปรแกรมอาจทำงานไม่ถูกต้อง และบริการข้างล่างนี้จะไม่สามารถตอบรับการร้องขอที่ไม่ได้เชื้อเชิญได้

• การใช้ไฟล์และเครื่องพิมพ์ร่วมกัน

• remote assistance และ remote desktop

• การค้นหาอุปกรณ์ที่อยู่ในเครือข่าย

• โปรแกรมและบริการที่ระบุไว้ในรายการข้อยกเว้น

• สิ่งที่ระบุเพิ่มเติมไว้ในรายการข้อยกเว้น

หมายเหตุ แม้จะเลือก don't allow exceptions ไว้ก็ตาม คุณยังสามารถส่งและรับอีเมล์, ใช้โปรแกรมส่งข้อความ(instant messaging) หรือดูเว็บเพจส่วนใหญ่ได้

off: ปิดการทำงานของ windows firewall


off: ปิดการทำงานของ windows firewall ซึ่งทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณเสี่ยงต่อการบุกรุกหรือจากไวรัสที่มาทางอินเตอร์เน็ต การตั้งค่าแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เชี่ยวชาญ สำหรับการจัดการระบบเท่านั้น หรือในกรณีที่คอมพิวเตอร์ได้รับการป้องกันจากไฟร์วอลล์อื่น

การปรับตั้งค่าของ windows firewall

1. คลิ๊ก start แล้วคลิ๊ก control panel

2. ใน control panel คลิ๊กที่ windows security center

3. คลิ๊ก windows firewall

4. เลือกการตั้งค่าที่คุณต้องการในแท็ป general


แท็ป general ของ windows firewall

หมายเหตุ การกำหนดค่าของคุณเมื่อคอมพิวเตอร์อยู่ในโดเมน จะถูกบันทึกแยกจากการกำหนดค่าที่สร้า งขณะที่คอมพิวเตอร์อยู่นอกโดเมน ซึ่งการแยกกลุ่มนี้เรียกว่า โปรไฟล์

การใช้แท็ป exceptions

หากคุณใช้ windows xp service pack 2 (sp2) จะมีการเปิดใช้ windows firewall หลังจากติดตั้งโดยอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่า โปรแกรมส่วนใหญ่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ตอบรับการสื่อสารที่ไม่ได้เชื้อเชิญจากอินเตอร์เน็ต นอกจากว่าคุณได้ระบุโปรแกรมเหล่านั้นในข้อยกเว้น มีโปรแกรม 2 โปรแกรมถูกระบุไว้ในรายการข้อยกเว้นตั้งแต่เริ่ม เพื่อจะสามารถตอบรับการสื่อสารที่ไม่ได้เชื้อเชิญผ่านทางอินเตอร์เน็ต ได้แก่ files and settings transfer wizard และ file and printer sharing

เนื่องจากไฟร์วอลล์ทำหน้าที่จำกัดการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณกับอินเตอร์เน็ต คุณอาจต้องปรับการกำหนดค่าของบางโปรแกรมที่ใช้การติดต่อแบบเปิดให้อยู่ในข้อยกเว้น เพื่อให้โปรแกรมเหล่านั้นสามารถสื่อสารผ่าน windows firewall ได้

การอนุญาตข้อยกเว้นก่อให้เกิดความเสี่ยง


ทุกครั้งที่อนุญาตให้โปรแกรมได้รับข้อยกเว้นการสื่อสารผ่าน windows firewall คอมพิวเตอร์ของคุณจะมีความเสี่ยงมากขึ้น การอนุญาตข้อยกเว้นนั้นเหมือนกับการเจาะช่องให้กับ windows firewall ซึ่งถ้ามีช่องโหว่มากเกินไปไฟร์วอลล์ของคุณก็จะสกัดกั้นการบุกรุกได้เพียงเล็กน้อย และแฮ็กเกอร์ก็มักใช้ซอฟต์แวร์สแกนหาคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้รับการป้องกันผ่านอินเตอร์เน็ต ดังนั้น ถ้าคุณมีข้อยกเว้นมากและเปิดพอร์ตทิ้งไว้ คอมพิวเตอร์ของคุณก็จะมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น

เพื่อลดความเสี่ยงด้านการรักษาความปลอดภัย คุณควร

• กำหนดข้อยกเว้นเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ

• ไม่กำหนดข้อยกเว้นให้กับโปรแกรมที่ไม่รู้จัก

• ยกเลิกข้อยกเว้นเมื่อไม่ต้องการใช้อีกต่อไป

ยอมให้มีข้อยกเว้นแม้จะมีความเสี่ยง


ในบางครั้ง คุณอาจต้องการให้ใครบางคนสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณได้ทั้งๆ ที่มีความเสี่ยง เช่น เมื่อคุณรอรับไฟล์จากโปรแกรมส่งข้อความหรือเมื่อเล่นเกมส์ผ่านอินเตอร์เน็ต

ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณกำลังสนทนาด้วยข้อความกับผู้ต้องการส่งไฟล์ (เช่น ไฟล์รูปภาพ) มาให้คุณ windows firewall จะถามว่าคุณต้องการยกเลิกการสกัดการติดต่อและอนุญาตให้มีการส่งภาพมายังคอมพิวเตอร์ของคุณหรือไม่ หรือถ้าคุณกำลังเล่นเกมส์กับเพื่อนผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต คุณสามารถเพิ่มรายชื่อเกมส์เป็นข้อยกเว้น เพื่อที่ไฟร์วอลล์จะอนุญาตให้ข้อมูลเกมส์ส่งผ่านมายังคอมพิวเตอร์ของคุณได้

การเพิ่มโปรแกรมเข้าสู่รายการข้อยกเว้น

• คลิ๊ก start แล้วคลิ๊ก control panel

• ใน control panel คลิ๊กที่ windows firewall

• ที่แท็ป exceptions ภายใต้ programs and services ให้ทำเครื่องหมายถูกให้กับโปรแกรมหรือบริการที่คุณต้องการ แล้วคลิ๊ก ok

แท็ป exceptions ของ windows firewall

หากโปรแกรม (หรือบริการ) ที่คุณต้องการไม่ได้อยู่ในรายชื่อ


1. คลิ๊ก add program

2. ในวินโดว์ add a program คลิ๊กโปรแกรมที่คุณต้องการเพิ่ม แล้วคลิ๊ก ok ชื่อโปรแกรมจะปรากฏขึ้น ที่แท็ป exceptions ภายใต้ programs and services

3. คลิ๊ก ok

คำแนะนำ: ถ้าโปรแกรม (หรือบริการ) ที่ต้องการไม่อยู่ในรายชื่อในวินโดว์add a program ให้คลิ๊กที่ browse เพื่อระบุตำแหน่งของโปรแกรมที่ต้องการจะเพิ่ม แล้วดับเบิลคลิ๊ก (โปรแกรมมักเก็บอยู่ในโฟลเดอร์program files ในคอมพิวเตอร์ของคุณ) ชื่อโปรแกรมจะแสดงอยู่ใต้ programs ในวินโดว์ add a program

เปิดพอร์ตเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น


ถ้ายังหาโปรแกรมไม่เจอ คุณสามารถเปิดพอร์ตแทนได้ พอร์ตเป็นเหมือนประตูเล็กๆ ในไฟร์วอลล์ที่อนุญาตให้การสื่อสารผ่านเข้ามาได้ ในการระบุพอร์ตที่ต้องการ ให้คลิ๊ก add port บนแท็ป exceptions (เมื่อทำการเปิดพอร์ตแล้ว อย่าลืมปิดพอร์ตเมื่อคุณใช้งานเสร็จ)

การเพิ่มข้อยกเว้นเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเปิดพอร์ต เนื่องจาก

• ทำได้ง่ายกว่า

• คุณไม่จำเป็นต้องทราบหมายเลขพอร์ตที่ต้องการใช้

• ให้ความปลอดภัยมากกว่าการเปิดพอร์ต เนื่องจากไฟร์วอลล์จะเปิดทางให้ในขณะที่โปรแกรมกำลังรอรับการติดต่อเท่านั้น

ทางเลือกระดับสูง

ผู้ใช้ที่เชี่ยวชาญสามารถเปิดพอร์ตและปรับขอบเขตของแต่ละการเชื่อมต่อ เพื่อลดโอกาสที่ผู้บุกรุกจะเชื่อมต่อเข้ามายังคอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย ซึ่งสามารถทำได้โดยเปิด windows firewall คลิ๊กที่แท็ป advanced และใช้การกำหนดค่าภายใต้ network connection settings

การเปิด-ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์

การเปิด และปิดเครื่องคอมพิวเตอร์


ขั้นตอนการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์

1. ทำการตอบสอบสายไฟของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีการต่อพ่วงที่ถูกต้อง

2. เสียบปลั๊กไฟ

3. เปิดสวิตซ์จอภาพ

4. เปิดสวิตซ์เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเปิดโปรแกรมระบบปฏิบัติการ

5. เปิดโปรแกรมที่ต้องการทำงาน

6. ใช้งานโปรแกรม



ขั้นตอนการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์

1. ทำการปิดโปรแกรมทุกโปรแกรมที่ใช้งานอยู่

2. คลิกปิดระบบปฏิบัติการ ที่เมนู Start แล้วคลิก Turn off computer

3. เลือก Turn off จากกรอบโต้ตอบ Turn off computer

4. ปิดสวิตซ์ที่จอภาพ

5. เมื่อไฟแสดงสถานะการทำงานที่ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ดับ ให้ถอดปลั้กไฟ



การใช้แผงแป้นอักขระในการปิดเครื่อง

วิธีการปิดเครื่องอีกวิธีหนึ่ง ได้แก่ การใช้แผงแป้นอักขระเป็นตัวช่วยในการปิดระบบปฏิบัติการ ซึ่งมีหลายวิธีได้แก่

1. การกดปุ่ม Alt + F4 แล้วเลือก Turn off ที่กรอบโต้ตอบ

2. การกดปุ่ม Ctrl + Alt + Delete พร้อมกัน แล้วคลิกเมนู Shut Down แล้วเลือก Turn off

3. การกดแป้น สัญญลักษณ์ Windows ที่แผงแป้นอักขระเพื่อเข้าสู่เมนู Start แล้วคลิก Turn off computer แล้วเลือก Turn off



การเริ่มต้นระบบปฏิบัติการใหม่ (Restart)

การ Restart เครื่องนั้น อาจจะใช้ในกรณีของซอฟต์แวร์ประยุกต์บางตัวเกิดปัญหาไม่สามารถทำงานได้ มีความจำเป็นต้องเริ่มการทำงานใหม่ ก็สามารถเริ่มต้นระบบปฏิบัติการใหม่โดยการ Restart ก็จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ดำเนินการทำงานใหม่อีกครั้ง ในการเลือกใช้การ Restart นั้นสามารถดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้

1. คลิกที่เมนู Start

2. เลือก Turn off computer

3. เลือก Restart จากกรอบโต้ตอบ

เครื่องก็จะทำการปิดระบบปฏิบัติการแล้วเปิดขึ้นใหม่สู่ระบบปกติ



การแก้ปัญหาเบื้องต้นในการเปิดและปิดเครื่องคอมพิวเตอร์

การเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ในบางครั้งอาจจะมีปัญหาที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถดำเนินการเปิดเครื่อง ให้เป็นปกติได้ ซึ่งปัญหาเหล่านั้นอาจตรวจสอบได้ด้วยตนเอง เช่น

- มีแผ่นบันทึกอยู่ในหน่วยขับแผ่นบันทึก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถเปิดเข้าสู่ระบบปฏิบัติการได้ เนื่องจากไม่มีโปรแกรมระบบปฏิบัติการ ซึ่งจะปรากฎหน้าจอดังนี้



Non-System disk or disk error

Replace and press any key when ready

- เมื่อเปิดเครื่องตอมพิวเตอร์แล้วจอภาพไม่ปรากฎภาพ การตรวจสอบเบื้องต้นควรดูว่า ปุ่ม ปิด-เปิดจอภาพ ทำการเปิด หรือไม่ สายไฟมีการเชื่อมต่อหรือไม่ หรือ กรณีที่มีข้อความปรากฎขึ้นหน้าจอว่า No signal ให้ทำการตรวจสอบดูสายอุปกรณ์ต่อเชื่อมระหว่างจอภาพ และตัวเครื่องคอมพิวเตอร์



ข้อเสียของการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไมถูกวิธี

ในกรณีที่มีการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ถูกวิธี เช่น ถอดปลั๊กไฟอย่างฉับพลัน หรือไฟดับแล้ว เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ได้มีเครื่องสำรองไฟ อาจมีผลเสียต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ได้เช่น

1. ทำให้ Power Supply และ Main board เกิดการชำรุดเสียหาย

2. ไฟล์ที่มีนามสกุล Tmp ที่เกิดขึ้นไมถูกลบทิ้งในตอนเครื่องดับทำให้มีปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์ มีเนื้อที่ลดลง และทำให้เครื่องทำงานช้าลง

3. แฟ้มข้อมูลบางแฟ้มที่กำลังทำงานอยู่ขณะนั้น อาจเกิดความเสียหายได้